ในปีที่ผ่านมา บางคนอาจจะประสบกับปัญหาชีวิตในด้านต่างๆ อาจเป็นเรื่องความผิดพลาด ทำให้เสียเงินเสียทอง เสียของรัก แต่สิ่งหนึ่งที่สำคัญคือ เราต้องไม่จมอยู่กับอดีตและลุกขึ้นเดินหน้าต่อไป แต่คนส่วนใหญ่ (รวมตัวผมเองด้วย)มักพบว่า การจะฝ่าปราการความทรงจำอันขมขื่นนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย วันนี้ผมไปนมัสการพระเจ้าที่คริสตจักรพระคุณเต็มล้น ซึ่งเป็นวันแรกของปีนี้คือ 1 มกราคมและได้รับฟังคำเทศนาจากศิษยาภิบาล ที่ผมเห็นว่าเป็นประโยชน์มาก ไม่ใช่กับเฉพาะแค่คริสเตียนเท่านั้น แต่กับคนที่นับถือศาสนาอื่นๆ ด้วย นั่นคือ วิธีการ ก้าวพ้นจากความขมขื่นในอดีต
ในคำเทศนานั้น ศิษยาภิบาลได้บอกว่า เราไม่ควรยอมให้ตัวเราตกเป็นเหยื่อของอดีต เพราะอดีตนั้นเหมือนกับลูกกระโดดที่เขากั้นไว้ให้ลดชะลอความเร็ว บนถนนในหมู่บ้าน เป็นตัวขัดขวางเพื่อให้ชีวิตเราล่าช้าลง อดีตได้กลายเป็นกับดัก ล่อลวงชีวิตของเราไม่ให้เดินหน้าต่อไปได้ ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล มีเขียนไว้ว่า
พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่ถือว่าตนเองฉวยสิ่งนี้มาได้แล้ว แต่ข้าพเจ้าทำอย่างหนึ่ง คือ ลืมสิ่งที่ผ่านมาและโน้มตัวไปหาสิ่งที่ อยุ่ข้างหน้า (ฟิลิปปี 3:13)
คำที่สำคัญมากๆ ในพระคัมภีร์ตอนที่ยกมานี้ คือ “ลืมสิ่งที่ผ่านมา และโน้มตัวไปหาสิ่งที่อยู่ข้างหน้า” นั่นคือพลังแห่งการลืมอดีตที่ขมขื่นเจ็บปวด (The Power of forgetting ) ในปีใหม่นี้ เราต้องลืมสิ่งต่างๆ ที่ผ่านไปแล้ว และ ต้องเดินต่อไปข้างหน้า
อย่าดำรงชีวิตด้วยการมองกลับหลังตลอดเวลา เพราะถ้าเราทำแบบนั้นชีวิตเราในปีใหม่ก็คงจะไม่ก้าวหน้าไปไหนเหมือนเดิม เพราะคงไม่มีใครสามารถหันหลังเดินเพื่อก้าวต่อไปข้างหน้าแน่ๆ ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล มีพระวจนะ คำของพระเจ้าที่ตรัสไว้ชัดเจนถึงเรื่องนี้ ไว้ในพระธรรม อิสยาห์ 43: 18-19
“จงลืมสิ่งที่ผ่านพ้นมาแล้ว
อย่าฝังใจกับอดีต
ดูเถิด เรากำลังทำสิ่งใหม่ !
มันเริ่มขึ้นแล้ว เจ้าไม่เห็นหรอกหรือ?
เรากำลังสร้างทางในถิ่นกันดาร
และสายธารต่างๆ ในที่แห้งแล้ง”
สำหรับคริสเตียนแล้ว พระธรรมตอนนี้ หนุนใจเป็นอย่างมาก ถ้าเรายังยอมให้อดีตอันขมขื่นของเราเสียงดังกว่าพระสัญญาของพระเจ้า ทุกสิ่ในชีวิตเราก็เดินหน้าต่อไปไม่ได้
ชีวิตของมนุษย์ทุกคน ถูกกำหนดด้วยสิ่งที่เขาจดจ่ออยู่เป็นประจำ แต่ในพระสัญญาของพระเจ้าจากพระธรรมข้างต้น แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าพระองค์จะทรงทำสิ่งที่ ด้วยสายตาของมนุษย์แทบจะเป็นไปไม่ได้ ให้เกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างทางในถิ่นกันดาร หรือทางออกในชีวิตที่ด้วยตัวเราเองแทบจะมองไม่เห็น หรือสายธารท่ามกลางแผ่นดินที่แห้งแล้ง ทุกอย่างเป็นไปได้สำหรับพระเจ้า แต่สิ่งที่เราจะต้องลงมือทำก่อนก็คือ ลืมสิ่งที่ผ่านพ้นมาแล้ว อย่าฝังใจกับอดีต ให้มองไปข้างหน้า อย่ามองย้อนกลับไปที่อดีต อย่ามัวแต่จ้องมองและร้องไห้คร่ำครวญ อยู่กับประตูบานที่ถูกปิดไปนานแล้ว พระเจ้าทรงเปิดประตูใหม่ให้เราอีกบาน ที่ใหญ่กว่า กว้างกว่า และดีกว่าเดิม แต่เราก็ไม่เคยเหลียวมาดู เพราะยังจดจ่ออยู่กับอดีต กับประตูบานเก่า จงให้อภัยตัวเองและให้อภัยผู้คนที่ทำให้คุณขมขื่น เพื่อคุณจะได้ก้าวพ้นจากอดีตอันขมขื่นนั้น และเริ่มต้นใหม่กับสิ่งที่ดีกว่าที่พระเจ้าได้ทรงจัดเตรียมไว้ให้กับคุณ
จงจำไว้ว่า: สิ่งที่เกิดขึ้น “ภายใน” คุณ มีความสำคัญกว่าสิ่งที่เกิดขึ้น “กับ” คุณ
ต่อไปนี้เป็นวิธีการในการก้าวข้ามผ่านอดีตอันขมขื่น
1.
ม11. จงดูจุดหมายที่พระเจ้าเตรียมให้คุณ : การดำเนินชีวิตไปข้างหน้า โดยไม่สนใจอดีตนั้น คุณต้องเพ่งความสนใจไปที่จุดหมายปลายทางที่พระเจ้าเตรียมไว้ให้กับชีวิตของคุณ ซึ่งแน่นอนย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าเดิม และจะทำให้คุณเกิดสันติสุขในใจมากกว่า ขอให้มีความเชื่อและมองไปที่จุดหมายปลายทางที่พระเจ้าเตรียมไว้ให้กับคุณ
2. 2. หยุดพูดถึงอดีตอันขมขื่น : ทุกครั้งที่คุณพูดถึงอดีตอันขมขื่นไม่ว่าจะพูดกับใครก็ตาม คุณกำลังทำการเสริมกำลังให้กับอดีตของคุณ คุณจะเจ็บปวดมากยิ่งขึ้น และเสียงของอดีตก็จะดังขึ้นเรื่อยๆ ในตัวคุณ จงหยุดพูดถึงอดีต
3. 3. อย่าคิดหาทางแก้แค้น : ผู้คนอาจไม่ยุติธรรมต่อเรา แต่พระเจ้ายุติธรรมเสมอ ถ้าเราคิดแก้แค้นแสดงว่าเราไม่มั่นใจในพระเจ้า พระธรรม โรม 12: 19 มีเขียนไว้ว่า
“เพื่อนเอ๋ย อย่าแก้แค้น แต่จงปล่อยให้พระเจ้าทรงสำแดงพระพิโรธ เพราะมีเขียนไว้ว่า “การแก้แค้นเป็นหน้าที่ของเราเอง เราจะคืนสนอง” องค์พระผู้ป็นเจ้าตรัสดังนี้”
ลองนึกเล่นๆ ว่า ถ้าเราต้องหยุดเดินทุกครั้งเพื่อทะเลาะกับหมาข้างถนนที่เห่าเรา วันๆ เราคงเดินไปไม่ถึงจุดหมายหรือไปถึงช้ากว่ากำหนดแน่ๆ เราต้องเดินผ่านไปโดยไม่คิดแก้แค้นหรือเสียเวลาทะเลาะ เพราะนั่นเป็นการเปล่าประโยชน์
4. 4. อยู่กับถ้อยคำพระเจ้า : อ่านพระคัมภีร์ ฟังซีดีเทศนา เมื่อคุณอยู่ติดสนิทกับถ้อยคำพระเจ้า จะทำให้คุณลืมอดีตไปได้แต่ไม่ใช่ลืมไปได้เพราะกำลังของตัวคุณเอง แต่เป็นด้วยกำลังของพระเจ้าที่เข้าไปเติมเต็มในความคิดและจิตใจของคุณ ไม่ให้เหลือที่ว่างในการคิดคำนึงถึงเรื่องอดีต ตามที่มีเขียนไว้ในพระธรรม สดุดี 18:32
“พระเจ้านี่แหละ ทรงเป็นผู้ประทานกำลังแก่ข้าพเจ้า
ทรงกระทำให้หนทางของข้าพเจ้าดีพร้อม”
และในพระธรรม สดุดี 27: 1
“องค์พระผู้เป็นเจ้า ทรงเป็นความสว่าง
และความรอดของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจะต้องเกรงกลัวผู้ใด?
องค์พระผู้เป็นเจ้า ทรงเป็นที่กำบังแข็งแกร่ง
สำหรับชีวิตของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจะต้องหวาดกลัวผู้ใด?”
5. อย่าหยุดหัวเราะ : ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือเผชิญกับสถานการณ์อะไร อย่าลืมที่จะหัวเราะ หาอะไรทำก็ได้ที่จะทำให้คุณมีเสียงหัวเราะ ไม่ว่าเราจะอายุเท่าไร เราก็ควรหัวเราะบ่อยๆ คนเราไม่ได้หยุดหัวเราะเพราะแก่ขึ้น แต่คุณจะดูแก่ขึ้นทันทีถ้าคุณหยุดหัวเราะ ในพระธรรมสุภาษิต 17:22 มีเขียนไว้ว่า
“จิตใจที่เป็นสุขเป็นยาขนานเอก
แต่วิญญาณที่ร้าวราน ทำให้ใจกายห่อเหี่ยว”
พระเจ้าต้องการให้เรามีความสุข และ มีจิตใจที่เป็นสุข ดังนั้น จงหัวเราะบ่อยๆ อาจหาหนังตลกหรือกิจกรรมที่จะทำให้เราหัวเราะได้ มาทำกันดูนะครับ เพื่อที่เราจะได้เอาชนะความทรงจำอันขมขื่นในอดีตให้ได้
ทั้งหมดที่ผมนำมาเล่านี้ เป็นแค่ส่วนหนึ่งที่ผมสรุปจากคำเทศนาของ ศิษยาภิบาล คริสตจักรพระคุณเต็มล้น อ.นาธาน กอนไม ที่ได้เทศนาไว้เมื่อวันอาทิตย์ที่ 1 มกราคม 2012 หากท่านสนใจฟังฉบับสมบูรณ์ ท่านสามารถติดต่อกับสำนักงานของคริสตจักร เพื่อรับฟังจากแผ่นซีดีเทศนาได้ โดยรายละเอียดในการติดต่ออยู่ที่ เว็บไซต์ www.agcasia.org
สำหรับท่านที่ยังไม่ได้เป็นคริสเตียนและสนใจอยากเรียนรู้เพิ่มเติม ก็สามารถเข้าร่วมนมัสการและฟังเทศนาได้ทุกวันอาทิตย์ที่ รร.ลานนาพาเลซ ถนนช้างคลาน จ.เชียงใหม่ 10:00 น. หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่ สำนักงานคริสตจักร ตามในเว็บไซต์ครับ
สรรเสริญพระเจ้า เอเมน..
4 ความคิดเห็น:
หนุนใจมากเลยค่ะ
พระคำพระเจ้าไม่เก่าเลย แม้ว่าจะผ่านมากลางปีแลว : )
ขอบคุณพระเจ้าเพราะทุกที่พระองค์ทรงประทานแก่เรานั้นดียอดเยี่ยม และน่าชื่นใจเสมอ
ขอบคุณสำหรับพระคัมของพระเจ้า ทำให้ทบทวนหลายอย่างที่เข้ามาในชีวิตและเมื่อได้อ่านแล้วทำให้ได้คิดถึงที่ผ่านมาเรายึดติดกับอดีตมากเกินไปทำให้ไม่มีสันตืสุข
คำหนุนใจนี้เป็นประโยชน์อย่างมากมาย พระเจ้าเสริมกำลังในการดำเนินชีวิตค่ะ
ในชีวิตฺของลูกเคยประสบแต่สิ่งเลวร้ายมามากมายแต่ละเรื่องราวเป็นเรื่องขนขืนเท่านั้นสำหรับลูกคิดแต่แก้แค้แต่ด้วยคำสอนของพระเจ้าลูกจึงหยุดทุำกความคิดเลวร้ายลงไปเพือรอวันที่ดีกวางพระเจ้าเท่านั้นที่จะทำให้เราเป็นลูกของคำว่าลูกที่ดีนิรันรดร์
แสดงความคิดเห็น