วันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

Father and Son: พ่อกับลูกชาย


ผมได้ตัดสินใจเลือกเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกใน Blog ของผม เพราะเป็นเรื่องที่ทำให้เราเข้าใจและเห็นภาพความสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้าพระบิดา พระเยซูคริสต์ และ มนุษย์ได้ชัดเจนมาก ผมอ่านเจอข้อเขียนนี้ในหนังสือชื่อ “ทางออก” เขียนโดย อนิต้า บาร์คเคอร์ โดยสำนักพิมพ์แม่น้ำ ผมอยากให้ท่านผู้อ่านได้ลองอ่านเรื่องนี้ดู แล้วท่านจะได้เข้าใจในความรักของพระเจ้ามากยิ่งขึ้นนะครับ
ไม่ขอเกริ่นเยิ่นเย้อล่ะครับ ขอนำท่านผู้อ่านไปที่โบสถ์แห่งหนึ่ง กับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นดังต่อไปนี้ครับ.....



...ก่อนเริ่มเทศนาศิษยาภิบาลท่านหนึ่ง ได้เดินไปที่ธรรมมาสน์เพื่อแนะนำชายชราคนหนึ่งซึ่งมาเยี่ยมในคืนนั้น ท่านบอกที่ประชุมว่า แขกคนนี้เป็นผู้รับใช้และเป็นคนที่ท่านรักมากที่สุดคนหนึ่งตั้งแต่สมัยเป็นเด็กแล้ว และได้เชิญให้ชายคนนี้พูดอะไรสักนิดหน่อย ชายชราก้าวมาข้างหน้าและเริ่มพูด


"คุณพ่อคนหนึ่งและลูกชายกับเพื่อนคนหนึ่งของลูกชายได้พากันแล่นเรือออกจากฝั่งแปซิฟิก" เขาเริ่มเล่า "อยู่ๆ ก็ เกิดพายุขึ้นและคลื่นก็สูง ทำให้พวกเขากลับเข้าฝั่งไม่ได้ แม้ผู้เป็นพ่อจะเป็นนักเดินเรือที่มีประสบการณ์ยังไม่สามารถรักษาเรือที่มีความยาว 15 เมตรไว้ได้ ในที่สุดเรือก็คว่ำทั้ง 3 คนถูกคลื่นพัดลงไปในทะเล


ชายชราหยุดเล่าสักครู่หนึ่ง เหลือบตาไปมองวัยรุ่น 2 คนซึ่งเพิ่งจะเริ่มตั้งใจฟังนับตั้งแต่เริ่มการประชุม ชายชราเล่าต่อว่า


"พ่อคว้าเชือกที่ผูกเรือเอาไว้ พร้อมกับต้องตัดสินใจในสิ่งที่เจ็บปวดที่สุดในชีวิต จะโยนเชือกไปให้เด็กคนไหน? เขามีเพียงไม่กี่วินาทีที่จะตัดสินใจ เขารู้ว่าลูกของเขาเป็นคริสเตียน แต่เพือนของลูกชายของเขายังไม่ได้เป็น ความเจ็บปวดภายในนั้นมีมากกว่าความผันผวนของคลื่นที่อยู่รอบตัว แต่แล้วเขาก็ตัดสินใจได้


“เขาตะโกนบอกลูกว่า “พ่อรักลูก!” จากนั้นก็โยนเชือกไปให้เพื่อนของลูกชาย เมื่อผู้เป็นพ่อลากเพื่อนของลูกกลับไปตรงจุดที่เรือคว่ำ ลูกชายของเขาก็หายลงไปใต้ทะเลที่บ้าคลั่งเสียแล้ว และไม่เคยหาศพลูกชายเจอเลย”


พอเล่ามาถึงตอนนี้ วัยรุ่นทั้ง 2 คนนั่งตัวตรง กระวนกระวายคอยฟังตอนจบ


“พ่อรู้ว่าลูกชายของเขาได้ไปอยู่กับพระเยซูตราบชั่วนิรันดร” ชายคนนั้นพูดต่อ “แต่เขาทนไม่ได้ที่จะเห็นเพื่อนของลูกต้องตายไปโดยปราศจากพระเยซู ดังนั้นเขาจึงยอมเสียลูกชายไปเพื่อแลกกับชีวิตเพื่อนของลูกชาย


“ความรักของพระเจ้ายิ่งใหญ่เพียงไร กระทั่งพระองค์ทรงทำสิ่งเดียวกันนี้เพื่อเรา พระบิดาของเราในสวรรค์ทรงสละพระบุตรองค์เดียวของพระองค์เพื่อเราจะได้รับความรอด ผมวิงวอนคุณให้รับข้อเสนอของพระองค์ที่จะช่วยคุณให้รอด ยึดเชือกที่พระองค์โยนมาให้คุณในการประชุมครั้งนี้”


จากนั้นชายชราก็เดินกลับไปนั่งที่เดิม ศิษยาภิบาลเทศนาสั้นๆ พร้อมเรียกรับเชื่อในตอนท้าย แต่ไม่มีใครตอบสนอง อย่างไรก็ตามไม่กี่นาที หลังสิ้นสุดการประชุมวัยรุ่น 2 คนก็เดินไปคุยกับชายชราคนนนั้น หนุ่มคนหนึ่งพูดอย่างสุภาพว่า “เรื่องน่าฟังดีแต่ผมไม่คิดว่ามันจะสมจริงนักที่พ่อจะสละชีวิตลูกชายโดยหวังว่าเด็กชายอีกคนหนึ่งจะมาเป็นคริสเตียน”


ชายชราตอบว่า”ใช่ เธอพูดถูก” พลางมองไปที่พระคัมภีร์เล่มเก่าของเขา เขายิ้มเมื่อเงยหน้าขึ้นมามองเด็กหนุ่มทั่ง 2 คน และพูดว่า “มันไม่ค่อยสมจริงใช่ไหม? แต่เรื่องนี้ทำให้ผมเข้าใจขึ้นมาบ้างว่าเมื่อพระเจ้าทรงสละพระบุตรของพระองค์เพื่อผมนั้นเป็นอย่างไร ผมคือพ่อคนนั้นและศิษยาภิบาลของคุณคือเพื่อนลูกชายของผม”

พระสิริมีแด่พระเจ้า..


รวบรวมและเรียบเรียงโดย ธวัชชัย เกิดประดับ

ไม่มีความคิดเห็น: