0. คืนนี้ ขอเล่าเรื่องเกี่ยวกับ คริสต์มาส เป็นเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ เหมือนที่เคยทำเมื่อปีที่แล้วนะครับ
1. วันคริสต์มาส ถือเป็นวันคล้ายวันประสูติของพระเยซู แต่วันที่แน่นอนจริงๆ ไม่มีใครทราบเป็นการประมาณว่าช่วงนี้
2. มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์โบราณก่อนพระเยซูมาเกิด ว่า จะมีกษัตริย์มาเกิด และจะนำชาวยิวซึ่งอยู่ใต้ปกครองของโรมันให้เป็นอิสระ
3. แม่ของพระเยซู ชื่อนางมารีย์ กำลังจะแต่งงานกับโยเซฟ แต่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์กันมาก่อน เป็นหญิงพรมจรรย์
4. วันหนึ่งทีทูตสวรรค์มาบอกนางว่า พระเจ้าจะให้นางกำเนิดพระผู้ช่วยให้รอด และให้ตั้งชื่อว่า "เยซู"
5. นางมารีย์ก็อึ้งไป และบอกว่าจะเป็นไปได้อย่างไร ไม่เคยมีเซ็กส์ไรเลย แต่ถ้าเป็นประสงค์ขอพระเจ้า ก็ขอให้เป็นเช่นนั้นเถิด
7. พอนางมารีย์รับคำพระเจ้า ว่าจะให้พระเยซูมาถือกำเนิดในครรภ์นาง ทีนี้งานก็จะเข้านางล่ะ เพราะว่าจะบอกกับ โยเซฟ ว่าที่สามีอย่างไร?
8. ท้ายสุดโยเซฟก็รู้ ว่ามารีย์ท้องแต่เขาเป็นสุภาพบุรุษก็เลยคิดว่าไม่พูดออกไป แต่ตั้งใจจะถอนหมั้นอย่างลับๆ
9. แต่แล้วก็มีทูตสวรรค์มาเข้าฝันบอกโยเซฟว่า อย่ากลัวที่จะรับมารีย์เป็นภรรยาเลย เรพาะผู้ที่จะมาเกิดนั้นมาจากพระเจ้า
10. อาจจะฟังดู โอเว่อร์นิดนึง สำหรับคนที่ไม่ใช่คริสเตียน แต่ต้องเข้าใจก่อนว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องฝ่ายวิญญาณ ก็ฟังกันไว้เป็นความรู้ครับ
11. โยเซฟ เจอทูตสวรรค์เล่นเข้าฝันแบบนี้ ตื่นมาก็เลยยอมรับมารีย์เป็นภรรยา แต่ช่วงนั้นก็ไม่ได้สมสู่หลับนอนกับนาง จนนางคลอดพระเยซูออกมา
12. พระเยซูเกิดที่ บ้านเบธเลเฮม อยู่แคว้นยูเดีย สมัยนั้นมีกษัตริย์ปกครองอยู่ชื่อ เฮโรด
13. ความซวยมาเยือนครอบครัวของพระเยซู เพราะดันมีโหราจารย์จากแดนไกล ไปเห็นดาวดวงหนึ่งขึ้น เลยรู้ว่ากษัตริย์ยิ่งใหญ่มาบังเกิดแล้ว
14. ที่ว่าซวยเพราะดันดั้นด้นเดินทางไกลมาตามหา และก็ดันแวะไปเข้าเฝ้าถามกษัตริย์ เฮโรด ทีนีั้งานเข้าพระเยซูและครอบครัวเลย
15. กษัตริย์เฮโรด ได้ฟังพวกโหราจารย์ ก็เครียดสิครับ เพราะกลัวว่ามีคนจะแย่งบัลลังค์มาบังเกิดในเมืองตน
16. ท่านเฮโรด เลยระดมพวกโหราจารย์ ปุโรหิตเพื่อถามว่า กษัตริย์ยิ่งใหญ่จะเกิดหมู่บ้านไหน พวกนั้นก็รู้อีกว่า บ้านเบธเลเฮม
17. เฮโรดเลยเนียน ว่าให้โหราจารย์เดินตามดวงดาวไปดูสิว่าทารกนี้อยู่ตรงไหน เจอแล้วกลับมาบอกด้วยนะ (กะตามไปเก็บอีกที)
18. เราจึงเห็นพวก postcard คริสต์มาส เป็นพวกรูปดวงดาว และบางทีก็มีคนขี่อูฐขี่ม้าเดินตามดวงดาว
19. โหราจารย์ก็ไปกันจนเจอพระเยซู เอาหีบพวกทองคำ กำยานไปถวายให้พระเยซู แล้วก็ชิ่งเลยไม่กลับไปหาเฮโรด
20. จากนั้นมีทูตสวรรค์มาบอกโยเซฟ ให้รีบพาพระเยซูกะแม่ชิ่งโดยไว ไปอียิปต์เพราะเฮโรดจะส่งทหารตามมาเก็บแน่นอน
21. เฮโรด ก็บ้าเลือดจริงๆ พอรู้ว่าโดนพวกโหราจารย์หลอกชิ่งไปล่ะ ก็เลยสั่งให้คนไปฆ่าเด็กชายที่หมู่บ้านนั้นตั้งแต่สองขวบลงมาให้เรียบ
22. แต่ก็ไม่ทันล่ะ เพราะครอบครัวพระเยซูชิ่งไปแล้ว ไปอยู่อิยิปต์นานพอควรจนเฮโรด dead ทูตสวรรค์ก็ไปบอกให้กลับมาได้
23. ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ภาพรวม แต่สิ่งที่น่าสนใจอยากเล่าเจาะลงไปคือช่วงเวลาที่พระเยซูกำลังจะเกิด
24. ตอนที่พระองค์จะเกิดนั้น มารีย์กับโยเซฟสามีอยู่เมืองนาซาเร็ธ แต่ต้องเดินทางไปขึ้นทะเบียนสำมะโนครัวที่เมืองต้นสังกัดคือเบธเลเฮม
25. ระหว่างเดินทางนั้นนางมารีย์ก็จะคลอด แต่ไม่มีที่ว่างในโรงแรม สงสัยคนเดินทางเยอะ HighSeason โรงแรมเต็ม
26. เอาไงล่ะจะคลอดอยู่แล้ว ก็เลยต้องเข้าไปพักกันในคอกเลี้ยงสัตว์ และ ณ ที่นั่นพระเยซูได้ประสูติในรางหญ้านั่นเอง
27. ความน่าสนใจอยู่ตรง รางหญ้ากับคอกสัตว์ มีนัยยะให้เห็นบางอย่างว่า บุตรของพระเจ้าจากสวรรค์ลงมาเกิดแบบสามัญมากๆ
28. หรือจะกล่าวอีกแนว พระเยซูนี่ติดดินตั้งแต่เกิดจริงๆ
29. ดังนั้นวันที่พระเยซูเกิดตามที่บันทึกไว้ในพระคัมภีร์คนเลี้ยงแกะแถวๆ นั้นก็ได้รับ แจ้งจากทูตสวรรค์ถึงข่าวดีอันนี้ ก็เลยแวะไปดูพระเยซู
30. อาจกล่าวได้ว่า คนกลุ่มแรกๆ ที่ได้เห็นพระเยซูคือคนเลี้ยงแกะ ซึ่งก็เป็นคนธรรดาๆ อีก ตรงนี้มีนัยยะ ว่าพระองค์มาเพื่อคนรากหญ้าจิงๆ
31. จริงๆ มีรายละเอียดอีกแยะ ถ้าทวิตเล่าไปเรือ่ยๆ คนอ่าน TL คงรำคาญมาก ไว้มีโอกาสจะเล่าให้ฟังในบลอคดีกว่า
32. คริสต์มาส ฉลองวันเกิดพระเยซู ว่าเรายินดีจังที่มีคนมาช่วยให้เรารอดจากบาป เกิดขึ้นในโลกแล้ว
33. แต่พี่อยากเล่าคือ ทำไมต้องดีใจ แล้วคนอะไรเนี่ย ทำให้เรารอดจากบาปกรรมได้ มีงี้ด้วยเหรอ?
34. ทำบาปเองก็ต้องชดใช้เองดิ กฏแห่งกรรม พระเยซูมาเกี่ยวอะไร? อันนี้ตะก่อนผมก็คิดแบบนี้ล่ะ
35. แต่ความเชื่อของคริสเตียน เชื่อว่า มนุษย์แบบเราๆ ท่านๆ ไม่ได้เป็นต้นกำเนิดบาปหรอก แต่คนเริ่มโน่น อดัม เอวา มานุดคู่แรก
36. ส่วนจะบาปอะไรอย่างไรที่มานุดคู่แรกทำ ไว้เล่าให้ฟังในบลอค เอาเป็นว่ารู้กันว่าคริสเตียนเชื่อว่าพวกเราไม่ได้บาปแต่ได้รับมรดกบาปมา
37.ทีนี้พอได้รับบาปมาเป็นมรดกแบบนี้ มนุษย์เราทำอะไรก็บาปไปหมด คนดีไม่บาปสักอย่างบริสุทธิ์เป๊ะๆ ไม่มีในโลก
39. วันดีคืนร้าย พระเจ้าชักเคืองไอ้พวกนี้ ล้างโลกซะเลย ปล่อยฝนตกน้ำท่วมแต่ยังมีเมตตาเก็บไว้ครอบครัวนึงกับฝูงสัตว์ให้มันต่อเรือ พวกโนอาห์ไง
40. เล่าเรื่องโนอาห์เด๋วยาวอีก เอาเป็นว่าโนอาห์รอดพร้อมฝูงสัตว์และครอบครัวหลังจากอยู่ในเรือที่พระเจ้าดีไซน์ให้เขาต่อขึ้นมาเอง
41. นักโบราณคดีไปค้นพบเรือลำนี้จริงๆ นะ อยู่บนยอดเขาเลยตอนนี้เป็นซากเรือ ยังคงสภาพอยู่พอสมควรไป searchหาอ่านข่าวเอา
42. เอาเป็นว่าเรื่องยาวมาเรื่อยๆ แต่คนก็ยังบาปยังเละเทะกันต่อไป พระเจ้าเลยว่า แบบนี้ไม่ไหวยิ่งอยู่นานยิ่งเซ็งพวกมานุดพวกนี้
43. ด้วยความรักของพระเจ้า เลยหาวิธีเคลียร์กับมานุดหน่อย ไอ้ครั้นจะยกโทษบาปให้ก็ใช่ที่เพราะทุกอย่างมันมีกฏแห่งกรรมมันอยู่
44. มนุษย์ทำบาปก็ต้องรับผลของบาป เหมือนขับรถผิดกฏก็ต้องจ่ายค่าปรับแม้พ่อจะเป็นผู้พิพากษาก็เหอะ ก็ต้องจ่ายใช่เปล่า?
45. วิธีการของพ่อหรือพระเจ้าก็คือ ต้องตัดสินโทษตามจริง แต่เด๋วพ่อจ่ายค่าปรับให้เอง คือตัดสินด้วยควักเองด้วย ทำไงละทีนี้?
46. พระเจ้าจึงใช้พระเยซู ซึ่งเป็นพระบุตรของพระเจ้า (พระเจ้าแบ่งภาค) ลงมาเกิดเป็นมนุษย์เหมือนเราๆ ท่านๆ
47. ทั้งนี้เพื่อให้พระเยซูเข้าใจความเป็นมนุษย์ความเจ็บปวดหิวโหยโดนดูถูกเหยียดหยาม เหมือนเราทุกอย่าง
48. และที่สำคัญ คือให้วิถีชีวิตของพระเยซู สำแดงวิถีชีวิตความเป็นพระเจ้าบนโลกมนุษย์ใบนี้ให้เราเห็นผ่านทางคำสอนของพระองค์
49. พระเยซูมีเวลาสั่งสอนเพียงแค่ประมาณสามปี คือออกสั่งสอนตอน 30 และโดนตรีงกางเขนตายตอน 33
50. แต่คำสอนและวิถีชีวิต 3 ปีของพระองค์สั่นสะเทือนโลกและวิถีชีวิตคนได้ค่อนโลกมาจนถึงบัดนี้เลยทีเดียว
51. ภารกิจส่วนใหญ่ของพระเยซู คือ รักษาโรค คนตาบอดมองเห็น คนง่อยเดินได้ คนตายฟื้นคืนชีพ และสั่งสอนสิ่งที่ดีๆ ให้กับผู้คนในแถบทะเลทรายนั้น
52. พระเยซูไม่ใช่คนยุโรปหรือฝรั่งท่านเกิดที่เอเชีย ดังนั้นที่เราเข้าใจว่า พวกคริสต์เป็นศาสนาฝรั่งจึงไม่ถูกต้องนัก
53. ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ท่านออกสอนนั้น โดนเขม่นตลอด โดยพวกเคร่งศาสนาที่ตั้งตัวเป็นพวกปุโรหิต หรืออาจารย์ต่างๆ
54. พวกนี้ไม่ค่อย Happy กับพระเยซูเพราะรู้สึกจะดังเกินหน้าเกินตามีคนศรัทธามากเกิน อาจสะเทือนฐานอำนาจพวกเขาได้
55. ทั้งนี้สมัยนั้นเชื่อว่าคนที่ติดต่อกับพระเจ้าได้มีแค่พวกเขาซึ่งเป็นปุโรหิต หรือพูดง่ายๆ ตัวกลางติดต่อกับพระเจ้าเท่านั้น
56. ดังนั้นการจะติดต่อกับพระเจ้าบนสวรรค์ต้องผ่านพวกข้าฯ แต่พระเยซูดันกล้าประกาศว่า ข้านี่ล่ะลูกพระเจ้า
57. การประกาศว่า เราคือบุตรของพระเจ้าในสมัยนั้น ถือว่าโคดกล้าเลย เพราะโอกาสตายสูง ข้อหาหมิ่นพระเจ้า
58. พระเยซูก็โดนยัดข้อหานี้ล่ะ ในท้ายสุด โดยพวกฟาริสีหรือพวกนักบวชพวกนี้เล่นเกมส์เอาม๊อบมาบีบเจ้าเมืองให้ตรึงกางเขนพระองค์
59. เจ้าเมืองก็โอเคนะ ยังให้โอกาสพระองค์กลับคำเสีย..ว่าไม่ใช่พระบุตรของพระเจ้า เพราะใจก็อยากช่วย
60. แต่พระเยซูแมนมาก..ยืนยันคำเดิม บุตรพระเจ้า...ตายสิครับพี่น้องแบบนี้
61. เคยมีคนวิเคราะห์ว่าพระเยซูนี่เป็นพวกลวงโลก คือไม่ได้เป็นบุตรพระเจ้าแต่สร้างภาพสร้างกระแส
62. ลองคิดกันเล่นๆ ดู ถ้าไม่ใช่พวกหลอกลวง ก็ต้องเป็นคนบ้าแบบสุดๆ แน่ๆ สำหรับพระเยซู เพราะอะไรเหรอครับ?
63. ถ้าพระเยซูโกหกคน ทีนี้โดนทั้งเฆี่ยนทรมาณแทบตาย จะโดนฆ่าแล้วเจ้าเมืองให้โอกาสกลับคำ ถ้าเป็นพวก18มงกุฏรับรองรีบสารภาพชิ่งก่อนเลย
64. แต่ถ้าเป็น18มงกุฏแต่ยังยืนยันหลอกต่อจนเอาไปตรึงกางเขนตาย..คนๆนี้ไม่บ้าก็ต้องโง่ขนาดหนัก
65. ผมจึงมองว่าเรื่องนี้ไม่สมเหตุสมผลเลย ถ้าพระเยซูไม่มั่นใจในความเป็นพระบุตรของพระเจ้า
66. ทำไมพระเยซูต้องยอมตายด้วย ชอบความเจ็บปวดหรือสะใจ หรือท่านจะดราม่า?
67. ความจริงก็คือ การตายของพระเยซู เป็นหนึ่งในแผนการปรองดองแห่งสวรรค์ของพระเจ้าที่กระทำให้มนุษย์
68. พระเยซูรู้แต่แรกแล้วว่าต้อง dead แน่ๆ เพราะพระเจ้าให้มาปิด job นี้โดยตรงเลย
69. เพราะการตายของพระเยซูงานนี้ เป็นงานสำคัญ เพื่อจ่ายค่าปรับ รับโทษความบาปที่อดัมและมนุษย์ก่อนหน้านี้ร่วมกันทำ
72. สมัยก่อนผมก็งง อารายกัน ระดับบุตรพระเจ้า ตายง่ายๆ งี้เลยเหรอ ทำไมไม่เสกไรต่อไรมาช่วยเลย หน่อมแน้มมาก
73. แต่ภายหลังมาเข้าใจ ว่าที่พระเยซูไม่แสดงปาฏิหารย์อะไรเลย ก็เพราะต้องการให้แผนการของพระเจ้าสำเร็จ
104. ถ้ามีคนสนใจ ก็จะเริ่มเขียนเล่าให้ฟังนะครับ ตอนนี้ผมมีบลอคเกี่ยวกับพระเยซูอยู่ แต่ไม่ได้เล่าแบบนี้ >> http://BibleLoveLetter.blogspot.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น