มีคำกล่าวไว้ว่า "ความเชื่อให้พลังอำนาจแก่ มนุษย์ในการเอาชนะโลกนี้ได้" แต่สิ่งที่เราเห็นทุกวันนี้ก็คือ ความเชื่อของผู้คนมากมาย ถูกสั่นคลอนและพังทลายลง เพราะปัญหาที่รุมเร้าจนเขาไม่สามารถรับหรือทนได้อีกต่อไป ความเชื่อนั้นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า จึงเป็นการยากที่จะใช้มันมาจัดการกับปัญหาที่เห็นๆ ต่อหน้าต่อตา เช่น ปัญหาเรื่องเงิน ปัญหาหนี้สิน หรือปัญหาชีวิต เรื่องของความเชื่อ จึงมีความน่าสนใจที่จะหยิบยกมาเล่าให้ฟังวันนี้
สำหรับคริสเตียนแล้ว ความเชื่อที่ว่าพระเจ้าสถิตย์อยู่กับเรา ตลอดเวลาและในทุกๆ สถานการณ์ ทำให้เกิดความมั่นใจในการก้าวพ้นผ่านปัญหาอุปสรรคต่างๆ ในชีวิต แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่านั้นคือ พลังของการพูดในสิ่งที่ตัวเองเชื่อออกมาอีกด้วย ตัวอย่างที่ขอยก มาเล่าให้ฟังคือ ตอน ที่พระเยซูคริสต์ ทรงสาปต้นมะเดื่อว่า "ตั้งแต่นี้ไปจะไม่มีใครได้กินผลจากเจ้าเลย" (มาระโก 11:14) ถ้ามองด้วยสายตาในชาวโลก สิ่งที่พระเยซูทรงกระทำ อาจจะดูแปลกๆ เพราะพูดกับต้นไม้ สั่งกับต้นไม้ แต่พระองค์ทรงต้องการแสดงให้เราเห็นเป็นตัวอย่างว่า มีพลังอำนาจอยู่ในคำพูดของเรา เราสามารถพูดเพื่ออวยพรหรือพูดเพื่อสาปแช่งก็ได้ ด้วยปากของเรา เพราะสิ่งที่เราพูดออกมานั้นจะสะท้อนสิ่งที่เราคิดและเชื่ออยู่ในจิตใจของเรา
ในวันรุ่งขึ้นเมื่อพระเยซูคริสต์เสด็จผ่านต้นมะเดื่อ สาวกของพระองค์ก็ทูลพระองค์ว่า ต้นมะเดื่อที่ทรงสาปไว้นั้นเหี่ยวเฉาไปแล้ว สิ่งที่น่าสนใจคือ คำตรัสตอบของพระเยซูคริสต์เกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ว่า "จงเชื่อ พระเจ้า" (มาระโก 11:22) และพระองค์ยังทรงสรุปความด้วยว่า "เหตุฉะนั้น เราบอกท่านว่า ไม่ว่าท่านอธิษฐานทูลขอสิ่งใด จงเชื่อว่า จะได้รับ แล้วท่านจะได้สิ่งนั้น" (มาระโก 11:24)
องค์พระเยซูคริสต์ ให้ความสำคัญกับพลังแห่งคำพูดและความเชื่อ เป็นอย่างมาก เราได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างจากเหตุการณ์ตอนนี้ อย่างแรก คือ ในคำพูดมีพลัง ถ้าเป็นคำพูดที่เต็มเปี่ยมได้ด้วยความเชื่อ สามารถสั่งได้ทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสิ่งของ หรือแม้แต่ตัวเราเอง เราควรใช้คำพูดของเราในการอวยพรตัวเราและผู้อื่น ไม่ใช่แช่งด่า อย่างที่สอง คือ ให้หลีกเลี่ยงการพูด การคิดอะไรก็ตามที่ทำให้เราอ่อนแอลง จงพูดและคิดเฉพาะสิ่งที่ทำให้เรามีพลังมีความเข้มแข็งเพิ่มมากขึ้น นั่นคือคิดและใคร่ครวญถึงถ้อยคำของพระเจ้า คำสัญญาของพระองค์ รวมถึง ความชอบธรรมที่เราได้รับจากพระองค์ ผ่านทางโลหิตขององค์พระเยซูคริสต์
หลายคนอาจสงสัยว่า แล้วเราจะมีสิทธิอำนาจอะไรถึงสามารถอวยพรตัวเองได้ ขอให้จดจำไว้ในใจเสมอว่า คริสเตียนทุกคนมี "ความโปรดปรานของพระเจ้าอยู่เหนือเรา" คำว่าโปรดปราน แปลว่า การแสดงความกรุณาอย่างมากกว่าปกติธรรมดา เราได้รับความโปรดปรานจากพระเจ้า ไม่ใช่เพราะว่าตัวเราเป็นคนดีหรือน่ารักมากกว่าคนอื่น แต่เป็นเพราะองค์พระเยซูคริสต์พระบุตรของพระเจ้า ทรงยอมเสียสละไถ่เราด้วยโลหิตของพระองค์บนไม้กางเขน เมื่อสองพันกว่าปีที่แล้ว นั่นคือเหตุผลที่ทำให้เราเป็นผู้ชอบธรรมและได้รับความโปรดปรานจากพระเจ้า
เราสามารถดำรงชีวิตอยู่บนโลกมนุษย์ที่สับสนวุ่นวายและเต็มไปด้วยปัญหาได้ก็เพราะเรามีความมั่นใจว่า พระเจ้าทรงรักและโปรดปรานเราเป็นที่สุด ในทุกสถานการณ์ของชีวิต ในทุกคลื่นลมและมรสุม ที่โหมกระหน่ำเข้ามาในชีวิตของเราอย่างไม่หยุดหย่อน พระเจ้าของเราทรงสถิตย์อยู่กับเราเสมอ พระองค์ไม่เคยทอดทิ้งเราแม้แต่วินาทีเดียว สิ่งที่เกิดขึ้นกับ โยเซฟ ในพระคัมภีร์ เป็นการยืนยันว่า พระเจ้าสถิตย์อยู่กับเราตลอดเวลา เช่น ในพระธรรม กิจการ 7:9-10 โยเซฟโดนขายไปเป็นทาสอยู่ที่ประเทศอิยิปต์ แต่พระเจ้าสถิตย์อยู่กับเขา และช่วยให้เขาพ้นจากความทุกข์ร้อน ทั้งปวง...
ความทุกข์ร้อน "ทั้งปวง" พระเจ้าของเราจะนำเราให้ผ่านพ้นไปได้ทั้งหมด พระองค์จะทรงช่วยเหลือเราเหมือนที่พระองค์ได้สถิตย์อยู่กับโยเซฟ และช่วยเหลือเขาให้พ้นจากความทุกข์ร้อนทั้งปวงมาแล้ว
เราสามารถดำรงชีวิตอยู่บนโลกมนุษย์ที่สับสนวุ่นวายและเต็มไปด้วยปัญหาได้ก็เพราะเรามีความมั่นใจว่า พระเจ้าทรงรักและโปรดปรานเราเป็นที่สุด ในทุกสถานการณ์ของชีวิต ในทุกคลื่นลมและมรสุม ที่โหมกระหน่ำเข้ามาในชีวิตของเราอย่างไม่หยุดหย่อน พระเจ้าของเราทรงสถิตย์อยู่กับเราเสมอ พระองค์ไม่เคยทอดทิ้งเราแม้แต่วินาทีเดียว สิ่งที่เกิดขึ้นกับ โยเซฟ ในพระคัมภีร์ เป็นการยืนยันว่า พระเจ้าสถิตย์อยู่กับเราตลอดเวลา เช่น ในพระธรรม กิจการ 7:9-10 โยเซฟโดนขายไปเป็นทาสอยู่ที่ประเทศอิยิปต์ แต่พระเจ้าสถิตย์อยู่กับเขา และช่วยให้เขาพ้นจากความทุกข์ร้อน ทั้งปวง...
ความทุกข์ร้อน "ทั้งปวง" พระเจ้าของเราจะนำเราให้ผ่านพ้นไปได้ทั้งหมด พระองค์จะทรงช่วยเหลือเราเหมือนที่พระองค์ได้สถิตย์อยู่กับโยเซฟ และช่วยเหลือเขาให้พ้นจากความทุกข์ร้อนทั้งปวงมาแล้ว
นับจากวันนี้ แม้ว่าเราจะเผชิญความทุกข์ยากลำบากเพียงไหน เราไม่จำเป็นต้องทุกข์ร้อนหรือกังวลใจ อีกต่อไป เราไม่จำเป็นต้องไปอิจฉาใคร เราไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการสกปรกเพื่อให้เราก้าวหน้ากว่าใคร ขอเพียงให้เราเชื่อและมั่นใจในความ "โปรดปรานที่พระเจ้าทรงมีต่อเรา" ยิ้มรับกับทุกสถานการณ์และเผชิญหน้ากับปัญหาอย่างไม่กลัวเกรงสิ่งใด เพราะเรามีพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่และอยู่เหนือทุกสรรพสิ่ง สถิตย์อยู่กับเราตลอดเวลา เหมือนที่พระธรรม สดุดี 89:17 กล่าวไว้ว่า "เพราะพระองค์ทรงเป็นเกียรติสิริ และเป็นกำลังของพวกเขา โดยความโปรดปรานของพระองค์ พระองค์ทรงเชิดชูพลังอำนาจ ของข้าพระองค์ทั้งหลาย"
พระสิริมีแด่พระเจ้า
ขอบคุณข้อมูลจากคำเทศนาของ ศิษยาภิบาล นาธาน กอนไม แห่ง คริสตจักรพระคุณเต็มล้น..ที่หนุนใจอย่างมากสำหรับการเขียนบทความนี้ ท่านที่สนใจสามารถร่วมนมัสการและฟังเทศนา โดยสามารถอ่านรายละเอียดได้ที่ www.agcasia.org
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น